การชาร์ตแบตเตอรี่ iPhone ถือว่ามีตำนานที่ยาวนาน เนื่องจากมีความเชื่อต่างๆนานามากมาย และข้อสงสัยที่นับไม่ถ้วนพอๆกับใครฆ่าเมรี (อ้างอิงละครกี่เพ้านิดนึง) ซึ่งไม่ว่าใครจะเชื่ออย่างไร ก็ไม่ค่อยมีใครพบปัญหาแบตเตอรี่เสื่อมสักที เพราะส่วนใหญ่จะซื้อเครื่องใหม่ก่อนแบตเตอรี่เสื่อม (หุหุ) เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามาดูวิธีการชาร์ตแบตเตอรี่ให้ถูกวิธีกัน
ตำนานการชาร์ตแบตเตอรี่ iPhone
1. ห้ามใช้ iPhone จนแบตเตอรี่ต่ำกว่า 20% เพราะจะทำให้แบตเสื่อมเร็ว
2. หลังจากซื้อ iPhone มาใช้ การชาร์ตแบตเตอรี่ครั้งแรก ต้องชาร์ต 8 - 10 ชม. เพื่อเป็นการกระตุ้นเซลล์
3. การชาร์ตแบตเตอรี่บ่อยๆ จะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
4. ชาร์ตแบตเตอรี่พร้อมกับใช้งาน iPhone ไปด้วยจะทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
เหล่านี้คือตำนานที่เล่าขานกันมาเนิ่นนาน ยิ่งกว่าตำนานบ้านผีปอบ 11 ภาค โดยไม่มีใครรู้ว่าอันไหนคือเรื่องจริง อันไหนคือเรื่องโม้กันแน่ คราวนี้เราตามมาดูข้อเท็จจริงกันบ้าง
แบตเตอรี่่ iPhone เป็นแบตเตอรี่ชนิด Lithium-ion polymer ซึ่งเป็นเทคโนโลยีขั้นเทพที่นิยมใช้กันอย่างแพร่หลาย ด้วยอายุแบตเตอรี่ที่ยืนยาว ให้พลังงานต่อเนื่องได้หลายชั่วโมง สะดวกในการใช้งานและชาร์ตแบตเตอรี่ ไม่กังวลว่าจะต้องใช้จนหมดแล้วค่อยชาร์ตใหม่
จากรูปด้านบนจะเป็นวัฏจักรการชาร์ตแบตเตอรี่ iPhone ซึ่งในช่วง 2 ชมแรก แบตเตอรี่จะถูกชาร์ตอย่างรวดเร็วจนมีระดับ 80% ในช่วงนี้แบตเตอรี่จะร้อนมากจากการชาร์ตประจุอย่างรวดเร็ว หลังจากชั่วโมง 2 ไปจนถึงชั่วโมงที่ 4 จะเป็น Trickle Charge ซึ่งก็คือประจุจะค่อยๆชาร์ตอย่างช้าๆจนเต็ม
ต่อมาจะพูดถึง Cycle charge ซึ่งเป็นรอบของการชาร์ตแบตเตอรี่ iPhone โดยรอบการใช้งานแบตเตอรี่จะนับจากแบตเตอรี่ถูกใช้ไปจนครบ 100% เช่น เริ่มต้นเราชาร์ตแบตจนเต็ม 100% วันแรกใช้ไปจนเหลือ 40% แล้วชาร์ตแบตเตอรี่จนเต็ม 100% วันต่อมาใช้ไป 60% แล้วชาร์ตจนเต็ม รวมสองวันชาร์ตแบตเตอรี่ครบ 100% แล้ว จะนับเป็น 1 cycle charge ไม่ใช่ชาร์ต 2 ครั้ง
ดังนั้นไม่ว่าจะใช้ชาร์ตแบตเตอรี่บ่อยแค่ไหน ก็ไม่ได้ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วขึ้น เพราะอาจจะชาร์ตไปแค่ 1 cycle charge เท่านั้น จากทั้งหมดนี้จึงได้ข้อสรุปเบื้องต้นว่า
1. การชาร์ตแบตเตอรี่บ่อยๆ ไม่ทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติ เพราะนับจาก Cycle charge เป็นหลัก
2. การชาร์ตแบตเตอรี่ iPhone ครั้งแรกไม่จำเป็นต้องชาร์ต 8 - 10 ชั่วโมง เนื่องจากเป็นเทคโนโลยีสมัยใหม่ ไม่ใช่แบตเตอรี่โนเกียสมัย 10 ปีที่แล้ว ที่ต้องชาร์ตแบตกระตุ้นก่อน และต้้องใช้แบตเตอรี่จนหมดก่อน จึงชาร์ตแบตได้
3. เนื่องจากการชาร์ตแบตเตอรี่ในขณะที่เหลือแบตเตอรี่น้อยๆ จะทำให้เกิดความร้อนสูง ซึ่งความร้อนจะมีผลทำให้อายุแบตเตอรี่เสื่อมเร็วกว่าปกติ นี่เป็นสาเหตุที่ไม่ควรใช้แบตเตอรี่จนเหลือต่ำเกินไป (ต่ำกว่า 20%) เพราะมีโอกาสทำให้แบตเตอรี่เสื่อมจากความร้อนสูง
4. การชาร์ตแบตเตอรี่และเล่น iPhone ไปด้วยไม่มีผลทำให้แบตเตอรี่เสื่อมเร็ว
5. ควรมีการใช้แบตเตอรี่ให้เหลือต่ำกว่า 20% และชาร์ตจนเต็มเดือนละ 1 ครั้ง ซึ่งเรียกว่า Full cycle charge เพื่อ Calibrate สถานะแบตเตอรี่ให้ถูกต้อง (บางครั้งแบตเตอรี่ที่แสดงบนจออาจไม่ตรงกับความเป็นจริง วิธีนี้สามารถช่วยแก้ไขให้ถูกต้องได้)
ข้อสรุปสุดท้ายคือ ชาร์ตไปเถิดครับ ชาร์ตอย่างไรก็ได้ เนื่องจาก Apple ได้ออกแบบแบตเตอรี่ให้มีความสะดวกในการใช้งานมากที่สุดแล้ว จึงไม่จำเป็นที่จะต้องกังวลมากมายสำหรับเรื่องนี้ แต่หากไม่สบายใจในการใช้งาน ก็ปฏิบัติตามคำแนะนำในข้อ 1-5 ด้านต้นก็ได้ครับ
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น